วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ที่มา ของพิธีปลุกเสก ตามความเชื่อโบราณ


ที่มาของพิธีปลุกเสกตามความเชื่อโบราณ สืบเนื่องมาจากความเชื่อของคนไทยในสมัยโบราณที่เชื่อว่า สรรพสิ่งในโลกนี้มีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติแฝงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต สิ่งไม่มีชีวิต หรือสถานที่ต่าง ๆ มนุษย์จึงพยายามหาวิธีที่จะดึงพลังอำนาจเหล่านั้นมาใช้เพื่อประโยชน์ของตนเอง โดยหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมคือ การปลุกเสก

พิธีปลุกเสก เป็นพิธีกรรมที่กระทำขึ้นเพื่อบรรจุพลังอำนาจเหนือธรรมชาติให้กับวัตถุหรือสิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้วัตถุหรือสิ่งของเหล่านั้นมีคุณวิเศษตามที่ต้องการ เช่น มีพุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นต้น

พิธีปลุกเสกตามความเชื่อโบราณ มักประกอบด้วยขั้นตอนต่าง ๆ ดังนี้

  • การเตรียมวัตถุหรือสิ่งของที่จะปลุกเสก วัตถุหรือสิ่งของที่จะปลุกเสกนั้น มักเป็นวัตถุหรือสิ่งของที่มีความเชื่อกันว่ามีพลังอำนาจในตัวอยู่แล้ว เช่น ไม้มงคล หินมงคล วัตถุโบราณ หรือยันต์ เป็นต้น
  • การบวงสรวงบูชา เป็นการแสดงความเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย เพื่อให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นมาช่วยอำนวยพรให้พิธีปลุกเสกสำเร็จลุล่วง
  • การบริกรรมคาถา เป็นการท่องคาถาหรือบทสวดมนต์เพื่อให้พลังอำนาจเหนือธรรมชาติเข้ามาสถิตในวัตถุหรือสิ่งของที่จะปลุกเสก
  • การประจุพลัง เป็นการทำให้วัตถุหรือสิ่งของที่จะปลุกเสกมีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติโดยการสัมผัสหรือประจุพลังจากบุคคลที่มีพลังอำนาจ

พิธีปลุกเสกตามความเชื่อโบราณ มักกระทำโดยพระภิกษุหรือผู้ทรงคุณวุฒิทางไสยศาสตร์ โดยผู้ที่ปลุกเสกจะต้องเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์ มีความรู้และทักษะในการปลุกเสก เพื่อให้พิธีปลุกเสกสำเร็จลุล่วงและวัตถุหรือสิ่งของที่จะปลุกเสกนั้นมีพลังอำนาจตามที่ต้องการ

ความเชื่อเรื่องพิธีปลุกเสกนั้น ยังคงสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน โดยคนไทยจำนวนไม่น้อยยังคงให้ความเชื่อถือในพิธีปลุกเสกและนิยมนำวัตถุหรือสิ่งของที่ปลุกเสกแล้วมาบูชาหรือพกติดตัว เพื่อเป็นเครื่องรางของขลังคุ้มครองตนจากอันตรายต่าง ๆ

นอกจากนี้ พิธีปลุกเสกยังถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมและประเพณีไทยที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยพิธีปลุกเสกมักจัดขึ้นในงานสำคัญต่าง ๆ เช่น งานบวช งานแต่ง หรืองานมงคลต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างสิริมงคลให้แก่ผู้เข้าร่วมพิธี

ตัวอย่างพิธีปลุกเสก เป็นบุญตา อัศจรรย์บนท้องฟ้า เมฆเคลื่อนคล้าย "พระกริ่ง" ในพิธีปลุกเสก แห่ยกมือร้องสาธุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น