ซึ่งเมื่อเราได้ไปขอยืมเงินใครนั้น ด้วยความร้อนใจ และได้รับการช่วยเหลือ จนเรานั้นได้สิ่งที่หวังแล้ว เมื่อถึงเวลาเราควรจะคืนเงินให้กับผู้ยืม เพราะ ตอนเข้าให้ด้วยจิตใจที่หวังดี และ เขาก็กำลังร้อนใจเหมือนกับเราเช่นกัน 

ผลกรรมในชาตินี้

• สูญเสียทรัพย์สิน ผู้ยืมเงินอาจถูกปล้นทรัพย์ ถูกโกง หรือประสบอุบัติเหตุจนสูญเสียทรัพย์สิน
• ประสบปัญหาการเงิน ผู้ยืมเงินอาจประสบปัญหาการเงิน หาเงินได้ยาก หรือมีหนี้สินล้นพ้นตัว
• มีปัญหาสุขภาพ ผู้ยืมเงินอาจเจ็บป่วยเรื้อรัง หรือประสบอุบัติเหตุจนพิการ
• มีปัญหาชีวิต ผู้ยืมเงินอาจมีปัญหาชีวิต เช่น ครอบครัวแตกแยก ชีวิตคู่ไม่ราบรื่น หรือประสบปัญหาด้านหน้าที่การงาน

ผลกรรมในชาติหน้า

• เกิดมายากจน ผู้ยืมเงินอาจเกิดมาในครอบครัวยากจน ลำบากในการหาเลี้ยงชีพ
• เกิดมาพิการ ผู้ยืมเงินอาจเกิดมาพิการ ไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพได้
• เกิดมาเป็นคนขี้โกง ผู้ยืมเงินอาจเกิดมาเป็นคนขี้โกง หลอกลวงผู้อื่น
• เกิดมาเป็นคนชั่วร้าย ผู้ยืมเงินอาจเกิดมาเป็นคนชั่วร้าย กระทำการผิดศีลธรรม

ที่มาของความเชื่อ ตักบาตรน้ำผึ้ง

ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง เป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวไทยเชื้อสายมอญ (รามัญ)  สืบทอดกันมาช้านาน โดยเชื่อว่ามีต้นกำเนิดมาจากความเชื่อของชาวมอญที่เชื่อว่า น้ำผึ้งเป็นยารักษาโรคได้ โดยในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าเคยทรงอนุญาตให้พระภิกษุสงฆ์รับน้ำผึ้งและน้ำอ้อยมาบริโภคเป็นยาได้ เนื่องจากเป็นอาหารที่มีรสหวาน ย่อยง่าย และมีประโยชน์ต่อสุขภาพ

ชาวมอญจึงเชื่อว่า การถวายน้ำผึ้งแด่พระภิกษุสงฆ์ เปรียบเสมือนการถวายสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ผู้ที่มีพระคุณ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูต่อสิ่งที่ตนเคารพศรัทธา

หลังพุทธศตวรรษที่ 16 ที่ชนชาติพม่าได้ขยายอิทธิพลลงมาทำให้ชาวมอญต้องอพยพมาสู่ดินแดนภาคกลางของไทย พร้อมกับได้นำศิลปวัฒนธรรม ความเชื่อ จารีตประเพณี และวิถีชีวิตของตนเองตามมาด้วย รวมถึงประเพณีความเชื่อเรื่องการตักบาตรน้ำผึ้งอันเป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวมอญนี้สืบทอดมากันมาช้านาน โดยกำหนดจัดขึ้นช่วงวันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 10 ของทุกปี ชาวมอญมีความเชื่อว่า การทำบุญตักบาตรน้ำผึ้งถวายแด่พระสงฆ์ จะมีอานิสงส์มาก อุดมไปด้วยโชคลาภ ทั้งชาตินี้และชาติหน้า น้ำผึ้งถือเป็นยาที่พระสงฆ์นำไปใช้ในยามจำเป็น ทำให้สุขภาพแข็งแรง ดังหลายตำนานสืบต่อกันมา

• ประวัติความเป็นมา น้ำผึ้งเป็นโอสถของพระพุทธเจ้า
• อานิสงส์การตักบาตรน้ำผึ้ง

• ตั้งพระหน้ารถหันออก หันหน้าพระไปทางถนน
• ตั้งพระหน้ารถหันเข้า หันหน้าพระมายังห้องโดยสาร

สาวคนนี้แชร์ประสบการณ์การได้รับรางวัลที่ 1 หลังจากเธอไปไหว้วัดมณีวงศ์ และเธอยังเผยทริคเพื่อขอพรให้อย่างปังแบบนี้ด้วยค่ะ/ครับ

ผู้ใช้แอปพลิเคชั่น TikTok ที่มีบัญชีชื่อ mulan_no1 แชร์ประสบการณ์การได้รับรางวัลที่ 1 หลังจากเธอมาไหว้วัดมณีวงศ์ ในจังหวัดนครนายก และแสดงความยินดีในคลิปวิดีโอโดยแสดงคำบอกเล่าว่า "ถูกรางวัลทุกงวดเกือบ 1 ปีเต็ม!!!"

เธอแนะนำว่าขณะไหว้ที่แต่ละจุด ควรให้จิตใจเรียบร้อยและไม่วอกแวก หากมีความตั้งใจขอสิ่งใดก็ควรขอได้ทันที ให้สร้างจิตให้รอบคอบเมื่อขอพร แนะนำให้แต่ละครั้งควรขอเพียงของเดียวและให้ตรงประเด็น ขณะขอพรให้ระบุชื่อ นามสกุล และเป้าหมาย (พรที่ต้องการ) รวมถึงระบุวันเวลาอย่างชัดเจน และขอให้แสดงความนิยมโดยการปฏิบัติดี หากได้สิ่งที่ความหวัง ก็ค่อยๆ ขอพรข้อต่อไป

• ประวัติ วัดมณีวงศ์ จังหวัดนครนายก

หลังจากคลิปดังกล่าวได้ถูกรางวัลและเผยแพร่ มีผู้รับชมจำนวนมากที่แสดงความคิดเห็นและถามถึงวิธีการ ผู้ที่โพสต์ก็ตอบความคิดเห็นด้วยข้อมูลการซื้อเลขที่สามารถได้รางวัลที่ 1

เครดิต https://www.sanook.com/horoscope/262431/

วันไหว้พระจันทร์ ปี 2566 เป็นวันที่เฉพาะเจาะจงทางประวัติศาสตร์และมีความหมายสำคัญในหลายๆ วัฒนธรรมทั่วโลก ในบทความนี้เราจะสำรวจประวัติและความหมายของขนมไหว้พระจันทร์ในบรรดาวัฒนธรรมต่างๆ รวมถึงประเพณีในวันไหว้พระจันทร์ ปี 2566 ด้วยกัน

วันไหว้พระจันทร์ 2566 ครบกำหนดในวันที่ 29 กันยายน 2566 เป็นเทศกาลตามวัฒนธรรมจีนที่มีสถานะสำคัญในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งมีการเฉลิมฉลองเพื่อเชิญโชคลาภและเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว ประเทศกาลนี้จะถูกสว่นขึ้นในคืนวันเพ็ญของเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ ในเทศกาลไหว้พระจันทร์นี้ ชาวจีนจะไหว้ดวงจันทร์ในเวลากลางคืน ทานขนมไหว้พระจันทร์ และชมดวงจันทร์เต็มดวง ซึ่งมีความเชื่อว่าในวันนี้จะมีความสว่างสวามเพิ่มขึ้นในดวงจันทร์ ในบางประเทศจะมีการเฉลิมฉลองด้วยการจุดโคมไฟสีแดงที่สวยงามในเวลาค่ำคืน หรือบางที่อาจจัดการแสดงเชิดมังกรอย่างสวยงาม ความหมายและการสืบทอดประเพณีนี้อาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและท้องถิ่นของแต่ละที่ในประเทศจีนและชุมชนจีนที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ

ขนมไหว้พระจันทร์

นอกจากนี้ยังมีขนมชนิดหนึ่งที่เรียกว่า "ขนมไหว้พระจันทร์" ซึ่งมีรูปร่างคล้ายกับขนมเค้กที่ทำจากแป้งและมีไส้ต่างๆ เช่น ธัญพืชต่างๆ ขนมชนิดนี้มักถูกนำมาไหว้และรับประทานในงานเทศกาลต่างๆ และเป็นเครื่องหมายพิเศษของงานนั้น แต่รู้หรือไม่ว่าประวัติความเป็นมาของขนมไหว้พระจันทร์นั้นมีความหมายที่น่าสนใจ...

ประวัติของขนมไหว้พระจันทร์

วันไหว้พระจันทร์มีประวัติยาวนาน เริ่มต้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น ชาวจีนในสมัยนั้นเค้าเชื่อว่าดวงจันทร์เป็นเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ซึ่งเธอจะถือความอุดมสมบูรณ์และความรุ่งเรืองให้กับชาวนา ดังนั้น ชาวจีนได้ไหว้พระจันทร์เพื่อขอความอุดมสมบูรณ์ให้กับผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์

เทศกาลไหว้พระจันทร์เกิดขึ้นทุกปีในวันที่ 15 ของเดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติของจีน ในวันเทศกาลนี้ ครอบครัวจีนทุกครัวเรือนจะซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาไหว้และรับประทานร่วมกัน การชมดวงจันทร์ยังเป็นส่วนหนึ่งของประเพณีนี้ ซึ่งความเชื่อว่าในวันนั้นดวงจันทร์จะมีความสว่างเป็นพิเศษ ทำให้ชาวจีนมองดวงจันทร์อย่างเฉพาะเจาะจง

ประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ในวันไหว้พระจันทร์นั้นมีรากฐานในประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ในสมัยมองโกลที่ปกครองจีน มีการเขมรทหารมองโกลประจำอยู่ในบ้านของชาวจีน โดยทหารมองโกลนี้ก่อความทุกข์ใจและทำร้ายชาวจีน ชาวจีนจึงหาทางรับมือโดยสร้างขนมไหว้พระจันทร์และใส่ข้อความในขนมนั้น เพื่อร้องเรียนให้ชาวจีนร่วมกันลงมือกับการกำจัดทหารมองโกลที่อยู่ในบ้านของตน ข้อความในขนมช่วยให้คนที่ซื้อขนมอ่านและร่วมช่วยกันแพร่กระจายข่าวสารนี้ ทำให้เกิดการปฏิวัติสำเร็จในวันเทศกาลดังกล่าว

ปัจจุบัน เทศกาลไหว้พระจันทร์และประเพณีรับประทานขนมไหว้พระจันทร์ยังคงสืบทอดและดำเนินต่อไป แม้ว่าขนมไหว้พระจันทร์จะมีการปรับปรุงรสชาติและรูปร่างเพื่อให้ทันสมัย แต่ความหมายและความเป็นมาของมันยังคงสำคัญและน่าสนใจอยู่ตลอดกาล สำหรับไส้ขนมไหว้พระจันทร์ เช่น ทุเรียน, เมล็ดบัว, แมคคาเดเมีย, พุทราจีน เป็นต้น จะแสดงถึงความหลากหลายและความเชื่อทางวัฒนธรรมของคนจีนในการไหว้พระจันทร์และเทศกาลนี้ในแต่ละพื้นที่และยุคสมัยที่แตกต่างกัน

ลายละเอียดเพิ่มเติม https://www.sanook.com/horoscope/69721/

การสวดมนต์และการนั่งสมาธิเป็นวิธีการฝึกฝนจิตใจที่มีประโยชน์ต่อจิตใจและร่างกายในหลายๆ ด้าน การสวดมนต์เป็นการน้อมนำจิตใจให้สงบ ระลึกถึงคุณงามและความดีของพระรัตนตรัย และเจริญสติปัญญา ในขณะที่การนั่งสมาธิเป็นการฝึกฝนจิตใจด้วยการจดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่มีความวอกแวก

เรื่องที่จะควรทำก่อนหรือหลังการสวดมนต์หรือการนั่งสมาธินั้นขึ้นอยู่กับความสะดวกและความสบายของแต่ละคน ในรายการ "ธรรมะ 4.0" ภายในช่องยูทูป พระครูศรีปริยัติวิสุทธิ์ (หลวงพ่อโกวิท) เจ้าอาวาสวัดด่านในจังหวัดนครราชสีมาแนะนำว่า เพื่อให้จิตสงบไม่ว่าวุ้น ควรที่จะสวดมนต์ก่อน การสวดมนต์เป็นการทำสมาธิในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเมื่อทำสวดมนต์ไปแล้วรู้สึกว่าร่างกายสบายและผ่อนคลาย จึงสามารถนั่งสมาธิต่อได้ หากคุณรู้สึกเมื่อยหรือไม่สบายในขณะนั่งสมาธิ คุณสามารถลุกขึ้นและเดินเพื่อคลายตัวก่อนที่จะนั่งสมาธิอีกครั้ง ทำแบบนี้สลับกันไปได้

สรุปได้ว่าควรทำตามความสะดวกและความสบายของคุณเอง การสวดมนต์และการนั่งสมาธิมีวิธีการแตกต่างกัน แต่ทั้งสองวิธีนี้สามารถช่วยให้จิตใจของคุณมีสันติภาพและความสงบใจได้ในวิธีที่แตกต่างกัน

โหงวเฮ้งคิ้ว เป็นศาสตร์ที่มุ่งค้นความลึกลับของคิ้วเพื่อแสดงให้เห็นถึงลักษณะนิสัยและโชคชะตาของบุคคล ความรู้เกี่ยวกับลักษณะของคิ้วมีความสำคัญในการสื่อสารเรื่องตัวตนของบุคคลเป็นอย่างมาก หนึ่งในลักษณะคิ้วที่น่าสนใจคือคิ้วมังกร ซึ่งถูกอธิบายโดยอาจารย์สุชาย จิรายุนนท์จากสมาคมโหรแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์

ลักษณะคิ้วมังกร

รูปทรงของคิ้วมังกรจะมีลักษณะที่เฉียงขึ้น ขนคิ้วทอดเป็นแนวสม่ำเสมอ ขนคิ้วเฉียงขึ้นสามในสี่ส่วน และปลายหักลงอย่างนุ่มนวลไม่แข็งกระด้าง จนเกิดเหลี่ยมที่สันคิ้ว ยาว สมดุลดูเปี่ยมบารมี

ทำนายนิสัยและโชคชะตาจากคิ้วมังกร

คนที่มีคิ้วมังกร คือคนที่มีบุคลิกอย่างที่ว่าแม้เกิดมายากจนแต่จิตใจต้องการความสูงส่ง เป็นคิ้วที่สร้างความทะเยอทะยานแบบมังกร คิ้วที่เฉียงขึ้นคือความฉลาด คิ้วที่เฉียงขึ้นโดยไม่หักลงมาเลยหมายถึงคิ้วแข็งบ่งบอกถึงความฉลาดที่แข็งกร้าว สามารถทำในสิ่งที่หักโค่นได้ ฉลาดในการคดโภง ใช้เล่ห์เหลี่ยมแบบยอมหักไม่ยอมงอ

คนคิ้วมังกร มีความสามารถสูง และสติปัญญาดี มีคุณธรรม มีสำนึกรู้ถูกผิด มีจิตใจเข้มแข็ง ไม่ใส่ใจคำนินทาและไม่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของเรื่องไร้สาระที่คนอื่นพูด มีความคิด มีเหตุผล ช่างคิด วิเคราะห์ และพึ่งพาสติปัญญาของตัวเองเพราะพวกเขามีความสามารถ มีทักษะแห่งความเป็นผู้นำที่ทรงพลัง และมักนำชื่อเสียงและสถานภาพอันสูงส่งมาสู่ตัวเองและครอบครัว แม้จะทระนงในตัว แต่จะฟังเหตุผล มีความฉลาดซ่อนอยู่ในความนุ่มนวล มักมีนิสัยชอบความโก้หรูโอ่ว่าเพื่อให้ตัวเองดูสูงส่ง มีความยุติธรรมอยู่ในหัวใจ มังกรแท้จะไม่เอาเปรียบใคร

การจะใช้คนคิ้วมังกรทำอะไรอย่าใช้อำนาจอะไรกับเขา เพราะคุณจะได้แต่งานแต่ถ้าเปลี่ยนเป็นความนุ่มนวล ชมเชย คุณจะได้รับความภักดี

เครดิต : https://www.sanook.com/horoscope/262275/

คำถามต้องห้าม เมื่อดูดวง

• คำถามเกี่ยวกับความตาย เช่น จะตายเมื่อไหร่ จะตายด้วยสาเหตุอะไร ไม่ควรถามคำถามเหล่านี้ เพราะเป็นการย้ำเตือนถึงความตายและอาจทำให้คนที่ถามเกิดความวิตกกังวลได้
• คำถามเกี่ยวกับคนที่เสียชีวิตไปแล้ว เช่น วิญญาณเขายังอยู่ไหม เขามีความสุขไหม ไม่ควรถามคำถามเหล่านี้ เพราะอาจทำให้คนที่ถามเกิดอารมณ์เศร้าหรือคิดถึงคนที่เสียชีวิตไปแล้วมากเกินไป
• คำถามเกี่ยวกับคนที่ยังไม่เกิด เช่น ลูกจะเป็นอย่างไร จะได้ลูกกี่คน ไม่ควรถามคำถามเหล่านี้ เพราะเป็นการล่วงรู้อนาคตของบุคคลอื่น ซึ่งอาจไม่เป็นความจริงก็ได้
• คำถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น เช่น แฟนของเพื่อนเราจะนอกใจไหม เงินของพ่อหรือแม่จะหมดไหม ไม่ควรถามคำถามเหล่านี้ เพราะเป็นการล้วงความลับส่วนตัวของผู้อื่น ซึ่งอาจทำให้เกิดความอึดอัดใจได้
• คำถามที่เป็นการดูถูกหรือเสียดสี เช่น หมอดูแม่นไหม หมอดูหลอกหรือเปล่า ไม่ควรถามคำถามเหล่านี้ เพราะเป็นการดูถูกความสามารถของหมอดู ซึ่งอาจทำให้หมอดูรู้สึกไม่ดีได้

คำแนะนำในการถามคำถามตอนดูดวง

• ควรถามคำถามที่ชัดเจนและกระชับ
• ควรถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องปัจจุบันหรืออนาคตที่เป็นไปได้
• ควรถามคำถามเกี่ยวกับเรื่องที่ตนเองต้องการคำตอบ
• ควรถามคำถามด้วยความเคารพต่อหมอดู

 เคยเชื่อผิดไปตลอดเลย! อย่าเกลียดใครแล้วไปกรวดน้ำให้เขา แต่ลองทำแบบนี้แทน

การฟังเสียงกระแสนี้ไปแล้ว เราอย่าเกลียดใครถึงขนาดที่จะกรวดน้ำให้เขา แต่ให้เชื่อว่ามันอาจช่วยลดความโกรธแค้นในใจของเราบ้าง หรือแม้แต่ช่วยให้เรามีปฏิสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับพวกเขาได้บ้าง บางครั้งการกรวดน้ำอาจเป็นวิธีสำหรับเราในการรับมือกับความโกรธแค้นในใจ เราควรพิจารณาเรื่องนี้ใหม่

โหรรัตนโกสินทร์บอกเสมอว่า "อย่าเกลียดใครแล้วไปกรวดน้ำให้" ด้วยเหตุผลนี้

"การเกลียดใครแล้วไปกรวดน้ำให้เขา อาจทำให้เขามีพลังและอิทธิฤทธิ์มากขึ้น"

เมื่อเราทำบุญหลังจากการกรวดน้ำ เราบางครั้งจะอ่านบทสวดที่มาจากพระไตรปิฎก "ยะถาให้ผี สัพพีให้คน" ซึ่งเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้วิญญาณผู้ล่วงลับ และบทสัพพีที่อวยพรให้ผู้ถวายทานปราศจากอันตราย ดังนั้น ถ้าเราเกลียดใครแล้วไปกรวดน้ำให้เขา อาจทำให้เขาเกลียดเรามากขึ้น เราอาจถูกมองว่าเราพยายามทำให้เขาเจ็บปวด

หลวงพ่อจรัญเคยสอนว่า "การให้อภัยเป็นการยอดเยี่ยมที่เหนือกว่าการแก่ใจใครๆ" นี่ไม่ใช่แค่การให้โอกาสแก่ผู้อื่น เรายังให้โอกาสแก่ตัวเราเองให้ได้รับความสงบใจ และไม่ถูกลำบากด้วยความโกรธแค้น อย่าให้ความเกลียดชังและความกระหายนะของความโกรธเผาไหม้เราเอง

บทแผ่เมตตา ช่วยให้จิตใจสงบสุข..

คนที่จะ “แบ่งของ”ให้ใคร อย่างน้อยต้องมีสิ่งนั้นอยู่บ้าง คือต้องมีความเมตตา ตั้งใจจะยุติความบาดหมางด้วยใจจริง

บทแผ่เมตตาให้ตัวเอง

อะหัง สุขิโต โหมิ

อะหัง นิททุกโข โหมิ

อะหัง อะเวโร โหมิ

อะหัง อัพยาปัชโฌ โหมิ

สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ

คำแปล

ขอให้ข้าพเจ้ามีความสุข

ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากความทุกข์

ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากเวร

ขอให้ข้าพเจ้าปราศจากอุปสรรคอันตรายทั้งปวง

ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุขกายสุขใจ รักษากายวาจาใจให้พ้นจากความทุกข์ภัยทั้งปวงเถิด

บทแผ่เมตตาทั่วไป

สัพเพ สัตตา

อะเวราโหนตุ

อัพ๎ยาปัชฌาโหนตุ

อะนีฆาโหนตุ

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ

คำแปล

สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กายทุกข์ใจเลย

จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากโรคภัยด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้นเถิด

เครดิต : https://www.sanook.com/horoscope/262135/